Thursday 16 February 2012

รักโลกนะ แต่ว่า ง่วงนอน

 

ดูเผิน ๆ แล้ว ฉันก็คล้ายจะเป็นพวก อยากจะช่วยลดภาวะโลกร้อนอยู่บ้าง
กับการพยายามแยกขยะแห้ง ขยะเปียก ใช้บันไดแทนลิพฟ์ ลดการทิ้งขยะ
ลดการใช้ถุงพลาสติก ใช้กระดาษสองหน้า เอาปฏิทินไปบริจาคให้คนตาบอด 
ใช้เสื้อผ้ามือสอง  ปลูกต้นไม้บ้าง ตามขนาดพื้นที่เท่าแมวดิ้นตายที่ระเบียงของตัวเอง
แล้วก็เหมารวมว่า ตัวเองเป็นคนดี คนที่เข้าใจเรื่องโลกร้อน และแก้ปัญหาอย่างถูกวิธี

แต่เอาเข้าจริง ก็ไม่แน่ใจว่า เข้าใจความหมายที่แท้จริงของมันหรือเปล่า
ว่าภาวะโลกร้อนคืออะไร และทำไมโลกต้องร้อน ได้แต่ฟัง ๆ อ่าน ๆ ตาม ๆ เขาไป

ถ้าอธิบายอย่างที่พอจะเข้าใจคือ ที่โลกร้อนขึ้น เพราะมนุษย์เราคายทิ้ง
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น มากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่เรื่องส่วนตัว
ไปจนถึงภาคอุตสาหกรรม  จนเกิดเป็นปรากฏการณ์เรือนกระจก
อยู่บนชั้นบรรยกาศ กั้นความร้อนไว้ในโลก ไม่ให้ระบายออกไป

แต่นึกไปแล้ว อยากถามใครซักคนจริง ๆ ว่า โลกร้อนนี่มันผิดวิสัยธรรมชาตินักหรือ
หรือโลกร้อน มันก็เรื่องธรรมดาของโลก ที่ต้องเป็นไป  
ในเมื่อธรรมชาติสร้างมนุษย์ ให้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่โลกเตรียมไว้
สร้างมนุษย์ให้มีมันสมองประดิษฐ์สิ่งแปลกปลอม ที่พยายามจะเอาชนะธรรมชาติ
สร้างมนุษย์ให้คอยคิดเครื่องมือให้ใช้แรงน้อยที่สุด สำหรับความสะดวกสบายในชีวิต
ผลิต ผลิตภัณฑ์มากมายเพื่อสนองตอบ การสืบทอด ขยายเผ่าพันธ์ที่มากมายไม่รู้จบ
อย่างที่เป็นเป้าหมายหลักที่ธรรมชาติบงการไว้   และทั้งหมดนี่ก็คือผลพวงของมัน

ก็ถ้าธรรมชาติสามารถ วางแผน สร้างกลไกอัจฉริยะอย่างที่เป็นมาตลอด
ธรรมชาติก็น่าจะปรับตัวตาม เปลี่ยนกระบวนการ เพื่อรองรับชะตากรรม
ซึ่งโลกอาจจะไม่ได้เรียกมันว่าชะตากรรมซะด้วยซ้ำ
แต่มันคือการเคลื่อนตัว จากจุด a  ไปหาจุด b  แล้วก็ตามด้วย c d e  หรือเปล่า

เหมือนที่โลกเคยร้อน เคยเย็น  จนมาถึงยุคที่สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ 
เรื่อยมาจนไดโนเสาร์สูญพันธ์ และมาถึงกาลปัจจุบัน 
ยุคที่มนุษย์กำลังระส่ำระสายเพราะภัยธรรมชาติ
ทั้งหมดนี่คือ สิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว ที่จะต้องเป็นไปตามนี้ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย

มาถึงวันนี้แล้ว ฉันไม่เชื่อเลยว่าเราจะหลุดพ้นไปสู่ ภาวะโลกไม่เป็นพิษไปได้
การณรงค์เพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ จะนำเรากลับไปสู่ อากาศบริสุทธิ์ 
ในยุค โลกเย็นสบาย ได้อีกหรือ

เราได้แต่งุนงง กับอากาศร้อนจัดที่นี่  หิมะตกหนักที่โน่น  ดีเปรสชั่นตรงโน้น
ความกดอากาศประเทศนั้น  อิทธิพลจากภาวะการณ์ที่ชื่อประหลาด ต่าง ๆ นา ๆ
แล้วเราก็ได้แต่ทำตามคำแนะนำ ของผู้รู้ทั้งหลาย ไปอย่างเงอะงะ
อย่างมีความหวังริบหรี่ ว่า ไอ้การใช้กระดาษสองหน้าสามหน้าอยู่นี่ 
มันจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของโลกได้จริง ๆ 
ถ้าธรรมชาติฉลาดจริง ธรรมชาติก็คงหาวิธีได้เอง
อย่างเช่น พักร้อนตัวเอง ด้วยการล่มสลายยุคมนุษย์ เพื่อรอการกำเนิดยุคใหม่

ก่อนที่จะเลยเถิดไปไกลกว่านี้  ณ ตอนนี้ เราก็คงไม่มีอะไรให้ทำดีไปกว่า 
ลงมือทำ และช่วยรณรงค์กันต่อไป แม้จะดูไร้จุดหมาย  
ก็คงดีกว่าไม่ได้เยียวยาอะไรเลย อย่างน้อยที่สุด ก็ในความรู้สึกเราเอง

แม้มันจะเป็นเพียงเทรนด์แฟชั่น ของคนที่อยากอยู่ในกระแส  
เป็นเรื่องภาพลักษณ์ เปล่า ๆ ปลอม ๆ ของนโยบายองค์กรก็ตาม


อย่างฉันผู้ซึ่งอยากจะช่วยโลก ก็ไม่แน่ใจตัวเองว่าแค่ตามกระแส
หรือว่าอย่างใส่ใจจริง ๆ  เพราะมีอีกหลายเรื่อง ที่ฉันยังไม่ได้ทำ
ยังนอนเปิดแอร์  ยังเสียบกาน้ำร้อนแช่  ยังใช้เครื่องทำน้ำอุ่น 
ยังรีดผ้าบ่อย ๆ  ไปจนถึง  ยังนั่งหายใจพ่นคาร์บอนไดทิ้งไปวัน ๆ
ไม่ได้ทำตัวให้มีประโยชน์อะไรขึ้นมา แล้วยังอยากจะได้ชื่อว่า  
นักรักษ์โลก

ตอนนี้ดูเหมือนฉันจะผันตัวเองไปเป็นนักผลิตกลาย ๆ 
หวังแค่ สิ่งที่ตัวเองจะผลิตออกไป ไม่กลายเป็นขยะรกโลกเพิ่มขึ้นอีก

No comments:

Post a Comment